วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 12, 2560

การปรองดองที่ไม่เท่าเทียม





มาใหม่อีกแล้ว ‘นิยาม’ การปรองดอง ในไตแลนเดียของ คสช. จากปากหัวหน้าใหญ่ด้วยตัวเองเลย

“เราต้องมีหลักคิดไม่ใช่คิดวิเคราะห์อย่างเดียวก็ไม่พอ เพราะความขัดแย้งมันสูง ต้องหาหลักคิดให้ได้ ต้องมีกฎหมายเป็นตัวประกอบด้วย หากคิดไปเรื่อยเรื่องสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตยไปทุกอัน จะกลายไปสู่อนาธิปไตย คือเกินคำว่าประชาธิปไตย”

(http://www.thairath.co.th/content/856188)

แน่ะ ทั่นรู้ดีกว่าใครๆ อีกแระ ว่าประชาธิปไตยนำไปสู่อนาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา เมื่อวาน (๑๑ ก.พ.) ว่า “ต้องทำความเข้าใจว่าควรจะเป็นอย่างไร"

สร้างความเป็นธรรมด้านเศรษฐกิจ และสร้างหลักคิดทางการศึกษา ครบเครื่องรวมทั้ง “อิงกฎกติกาสากล”

มิหนำซ้ำ รองประธาน สนช. มาย้ำเรื่องเตรียมการงานยักษ์เพื่อ “สร้างความสามัคคีปรองดอง” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่จะเริ่มในวันแห่งความรัก ๑๔ กุมภา ศกนี้

ด้วยร่างกฎหมาย “อำนวยความยุติธรรมทางอาญาเกี่ยวเนื่องกับมูลเหตุจูงใจทางการเมือง”

(http://www.komchadluek.net/news/politic/260022)

คำหรูทั้งนั้นน่าปลื้ม ขนาดนิด้าโพลยังต้องเสนอผลเรื่องเด็กไทย ตั้งแต่วัย millennial ไม่เกิน ๒๕ ปีลงไป อยากให้ดอกไม้แห่งความรักกับบิ๊กตู่ ตั้ง ๗๗ เปอร์เซ็นต์ ทิ้งอันดับสองไม่เห็นหาง

เมื่อคะแนน ทักษิณ ชินวัตรได้แค่ ๘ เปอร์เซ็นต์ครึ่ง และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ไม่ถึง ๖ เปอร์เซ็นต์ดี

(http://www.posttoday.com/politic/480539)





ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ไปไหน มีผู้คนแห่กันไปห้อมล้อมให้กำลังใจ นั่นไม่นับ ล่าสุดเพิ่งไปทำบุญที่วัดม่วง อ่างทอง

นั่นเป็นสักขีพยานว่าการที่เธอกำลังถูกรัฐบาลทหาร คสช. บีบคั้นด้วยตัวบทกฎหมายไม่ยุติธรรม ใช้อำนาจทางการปกครองอย่างเผด็จการ ม.๔๔ เรียกค่าเสียหายเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน

ทั้งๆ ที่ประธานคณะกรรมการตรวจสอบสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าว นายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้ว่า

“เป็นการดำเนินงานราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขประชาชนก็ไม่คิดเป็นความเสียหาย” แต่ก็ยังตามติดเอาผิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในเรื่องพฤติการณ์ดำเนินงานโครงการ

(http://www.matichon.co.th/news/32068)

ขั้นตอนต่อไปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำได้ก็คือ “ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อศาลแล้วตามกำหนดเวลา ๓๐ วัน เพื่อประกอบเหตุผลขอทุเลา และชะลอการจ่ายค่าเสียหายไว้ก่อน ระหว่างรอการพิจารณาขอเพิกถอนคำสั่งในศาลปกครอง”

นี่จากที่ นายนพดล หลาวทอง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยความคืบหน้า แม้นว่าจะมีตัวอย่างในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ที่ศาลปกครองยกคำร้องของอดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ขอคุ้มครองให้ทุเลาการบังคับจ่ายสินไหมทดแทน

โดยที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท้วงว่า “ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ของศาล คำสั่งใดๆ ที่จะดำเนินการยึดทรัพย์ยังไม่ควรมี เพราะควรเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้ในชั้นศาลให้เสร็จสิ้นก่อน” ก็ตาม

(http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=762964)

ขณะที่คนชงเรื่องกำลังน้ำเต้าเฟื่องอูฟู เมื่อมีประกาศราชกิจจานุเบกษา “ให้ตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ได้รับเงินประจําตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ในอัตราเท่ากับปลัดกระทรวง

ตําแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้รับเงินประจําตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ในอัตราเท่ากับรองปลัดกระทรวง”

(http://www.matichon.co.th/news/460425)

เช่นนี้แหละพี่น้องเอ๋ย การปรองดองที่ไม่เท่าเทียม ฝ่ายหนึ่งถูกกระทำอยู่ถ่ายเดียวจนจะโงหัวไม่ขึ้น แล้วมาบอกว่าปรองดองนะ อย่าเอาคืน ถึงจะไม่คิดแก้แค้น แต่การแก้ไขก็หนีไม่พ้นต้องยุติความเหลื่อมล้ำอย่างสิ้นเชิง จึงจะเกิดผลอย่างยั่งยืน